Present Simple Tense
|
|
Present Simple Tense
|
|
โครงสร้าง : Subject + Verb 1 + (Object)
|
|
หลักการใช้
|
|
1.
ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ
หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น
|
|
The
sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
|
|
The
cat has four legs. (แมวมีสี่ขา)
|
|
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นปรกตินิสัย หรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ
มี Adverb
of Frequency แสดง
|
|
I
have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเช้าทุกวัน)
|
|
Everybody
wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว)
|
|
We
go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย์)
|
|
3. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
หรือสภาพที่เป็นปัจจุบัน เช่น
|
|
She
understands what you say. (เธอเข้าใจที่คุณพูด)
|
|
I
have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เล่มอยู่ในกระเป๋า)
|
|
4. ใช้แสดงถึงการกระทำในอนาคต
ซึ่งตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติ
|
|
The
next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตย์จึงจะเปิดเทอมหน้า)
|
|
He
sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร์)
|
|
หมายเหตุ*
อย่าลืมนะว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม S ห้ามลืมกฎข้อนี้เด็ดขาดนะ!!!
|
|
|
|
Present Continuous Tense
|
|
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb -ing + ( Object )
|
|
หลักการใช้
|
|
1.
เมื่อการกระทำดำเนินอยู่ในปัจจุบัน (ขณะพูด) และต่อเนื่องมาถึงบัดนั้น
และจบในอนาคต เช่น
|
|
My
uncle is listening to the radio.(ลุงของผมกำลังฟังวิทยุ)
|
|
What
is he doing? (เขากำลังทำอะไรเหรอ?)
|
|
2.
การกระทำที่เกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นขณะนั้นจริง เช่น
|
|
More
and more people are using Internet. (ผู้คนเริ่มเล่นอินเทอร์เน็ตมากขึ้นทุกที)
|
|
Accidents
are happening more and more frequently. (อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากและบ่อยขึ้น)
|
|
3. แสดงเหตุการณ์ในอนาคต เกิดขึ้นแน่นอน เช่น
|
|
We
are planning to go to the beach next week. (พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวทะเลอาทิตย์หน้า)
|
|
She
is going abroad next Tuesday. (หล่อนจะไปต่างประเทศวันอังคารหน้า)
|
|
4.
ถ้าประโยคเชื่อมด้วย and ( 2 ประโยค) ให้ตัด
Verb to be ที่อยู่หลัง and ออก เช่น
|
|
My
father is smoking a cigarette and watching television. (คุณพ่อของฉันกำลังสูบบุหรี่และดูโทรทัศน)์
|
|
*กริยาที่นำมาใช้ใน Tense นี้ไม่ได้!!!*
|
|
1.
กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น
|
|
I
see the beautiful mountain.(ฉันดูภูเขาอันงดงาม) ไม่ใช้ I
am seeing the beautiful mountain.
|
|
2.
กริยาที่แสดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรู้สึก,
ความผูกพัน ไม่นิยมนำมาใช้ เช่น
|
|
I
know him very well (ผมรู้จักเขาดี) อย่าใช้ : I am
knowing him very well.
|
|
He
believes that taxes are too high.(เขาเชื่อว่าภาษีแพงเกินไป)
อย่าใช้ : He is believing that taxes are too high.
|
|
หลักการเติม -ing
|
|
1).
กริยาที่ลงท้ายด้วย E ให้ตัด E ทิ้ง แล้วเติม -ing
|
|
2).
กริยาที่ลงท้ายด้วย EE ให้เติม -ing ได้เลย
|
|
3).
กริยาที่ลงท้ายด้วย IE ให้เปลี่ยนเป็น Y
ก่อน แล้วเติม -ing
|
|
4).
กริยาที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว พยางค์เดียว เพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง
แล้วเติม -ing
|
|
5).
กริยาที่มี 2 พยางค์ออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง
มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิ่มตัวสะกด แล้วเติม -ing
|
|
6).
กริยา 2 พยางค์ต่อไปนี้
เพิ่มตัวสะกดเข้ามาแล้วเติม -ing หรือไม่ก็ได้
|
|
[แบบอเมริกัน] : travel => traveling,
quarrel => quarreling
|
|
[แบบอังกฤษ] : travel =>
travelling, quarrel => quarrelling
|
|
|
|
|
|
Present Perfect Tense Subject
|
|
โครงสร้าง: Subject + Verb to have + Verb ช่อง 3
|
|
หลักการใช้
|
|
1.
การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินเรื่อยมาจนปัจจุบัน เช่น
|
|
I
have lived in Chiang Mai since 1979.(ฉันอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ตั้งปี
ค.ศ. 1979)
|
|
I
have studied English for ten years.(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลา
10 ปี)
|
|
2. เหตุการณ์เพิ่งสิ้นสุดลง มีคำว่า just,
already, yet เช่น
|
|
I
have already finished my homework. (ผมเพิ่งทำการบ้านของผมเสร็จ)
|
|
He
has not read that book yet.(เขายังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นเลย)
|
|
3.
เหตุการณ์ที่เกิดในอดีต และสิ้นสุดแล้ว
แต่ผลของเหตุการณ์ก็ยังมีมาจนปัจจุบันใน เช่น
|
|
I
have read them before.(ฉันเคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน)
|
|
The
servant has cooked her dinner.(คนรับใช้ทำอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
|
|
4.
การกระทำซึ่งเริ่มต้น และสิ้นสุดในอดีต แต่อาจเกิดได้อีก มี Adverb
of Frequency ด้วย เช่น
|
|
I
have visited Los Angeles twice.(ผมไปเที่ยวลอสแองเจลลิสมา 2
ครั้ง)
|
|
หลักการใช้
Yet,
Just, และ Already
|
|
Yet
(ยัง) ใช้ในประโยคปฏิเสธเสมอ วางไว้ท้ายประโยค
|
|
Just
(เพิ่งจะ) Already (เรียบร้อยแล้ว)
ใช้ในประโยคบอกเล่า วางไว้หน้ากริยาหลัก
|
|
*อย่าลืม!!! ต้องแม่นในการผันกริยาช่องที่ 3*
|
|
|
|
Past Simple Tense
|
|
โครงสร้าง: Subject
+ Verb ( Past Form
) + (
Object )
|
|
หลักการใช้
|
|
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
และสิ้นสุดแล้ว มี Adverb
บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
|
|
She
saw you yesterday. (หล่อนเห็นคุณเมื่อวานนี้)
|
|
I
went to Berline last year. (ผมไปเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว)
|
|
2. เหตุการณ์หนึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต
แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น
|
|
When
he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก
เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก)
|
|
I
used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเช้าตรู่
( ปัจจุบันไม่ได้ตื่นเช้าแล้ว )
|
|
3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต
และระยะเวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เช่น
|
|
They
lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว)
|
|
I
heard the blacksmith working all day long.(ฉันได้ยินช่างตีเหล็กทำงานตลอดทั้งวัน)
|
|
4.
ใช้แสดงถึงการสมมุติหรือข้อแม้ ในปัจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคำว่า
If, Unless, Wish เช่น
|
|
If
I were you I would love her. (ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักเธอ)
|
|
|
|
|
Past Continuous Tense
|
|
โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object
|
|
หลักการใช้
|
|
1.
ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
|
|
They
were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)
|
|
She
was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์
|
|
2.
ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น
|
|
What
were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)
|
|
I
was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)
|
|
3.
เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์
ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก
|
|
มีหลักการ
คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Con เหตุการณ์หลังใช้
Past Sim เช่น
|
|
When
I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน
เธอเล่นปิงปองอย)ู่
|
|
4.
เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต
ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น
|
|
I
was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)
|
|
5.
เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน
เช่น
|
|
They
were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง
8 โมงเมื่อวาน)
|
|
6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้
การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น
|
|
What
would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)
|
|
*หมายเหตุ :กรุณากลับไปอ่าน Present
Continuous เรื่องกริยาที่นำมาใช้ใน Tense ไม่ได้ด้วยนะ*
|
|
|
|
|
|
|
Future Simple Tense
|
|
หลักการใช้
|
|
การกระทำในอนาคต
เช่น He
will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยวสิงคโปร์ปีหน้า)
|
|
หลักการใช้
(be)
going to แทน will หรือ shall
|
|
1.
ใช้ (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will
และ shall เช่น
|
|
She
is going to buy a car next month.(หล่อนจะซื้อรถยนต์เดือนหน้า)
|
|
2.
ใช้
(be)
going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall
เช่น
|
|
I
think it is going to rain.(ฉันคิดว่าฝนจะต้องตก)
|
|
3. ใช้
(be) going to + V1 แสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงโดยไม่สงสัย
แทน will และ shall เช่น
|
|
His
wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแล้ว)
|
|
ห้ามใช้
(be)
going to + V1 ในกรณีต่อไปนี้
|
|
1.
เหตุการณ์ที่เป็นอนาคตอันแท้จริง ต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น
|
|
I
will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปีหน้า (ห้ามใช้ :I am going to be twenty-one next year.)
|
|
2. ในประโยคที่เชื่อมด้วย If ใช้ได้เฉพาะ will และ shall เท่านั้น
|
|
John
will be successful if he tries hard.(ห้ามใช้ :John is
going to be successful if he tries hard.)
|
|
3. กริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น
|
|
I
will remember this experience forever.(ห้ามใช้ :I am
going to remember this experience forever.)
|
|
I
wish you would love me one day. (ฉันหวังว่าเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
|
|
|
|
Question Tag
|
|
Question Tag คือ
การตั้งคำถามท้ายประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ
|
|
หลักการตั้งประโยคคำถาม
|
|
1.
ถ้าประโยคหน้าเป็นบอกเล่า Tag ต้องเป็นปฏิเสธ
|
|
2.
ถ้าประโยคหน้าเป็นปฎิเสธ Tag ต้องเป็นบอกเล่า
|
|
3.
ต้องใส่ Comma คั่นระหว่างประโยคหลักกับ Tag
เสมอ
|
|
4.
ตัว Tag ต้องเป็นกริยาช่วยเสมอ
|
|
5. หากไม่มีกริยาช่วยในประโยคหลัก ใช้ V.
to do มาช่วย
|
|
6.
กริยาช่วยตรง Tag ต้องใช้รูปย่อเสมอ
ไม่มีรูป amn't I ใช้ aren't I แทน
|
|
7.
กริยาช่วย ต้องเปลี่ยนตาม Tense ที่ประโยคหลัก
|
|
8.
ประโยคคำสั่ง ขอร้อง เชื้อเชิญ ตรง Tag เติม
คำว่า will you ได้เลย
|
|
ข้อควรจำในการทำ
Question Tag .
|
|
1.
ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย That is, This is ส่วน
Tag ใช้ isn't it? หรือ is it
|
|
2.
ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย There is/ are/ was/ were ส่วน Tag ใช้ V. to be ตามประธานและ
Tense + there
|
|
3.
ถ้าประโยคหน้าขึ้นต้นด้วย These/ Those are ส่วน
Tag ใช้ aren't they หรือ are
they แล้วแต่กรณี
|
|
4.
ถ้าประโยคหน้าเป็นประโยคความซ้อน ส่วน Tag ให้เอากริยาในประโยคหลักนะ
|
|
5.
ถ้าประโยคหน้ามีคำที่ให้ความหมายเชิงปฏิเสธ ส่วน Tag นั้น ต้องเป็นบอกเล่า เช่น Nothing is interesting, is it?
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น