Adjectives คำคุณศัพท์
|
||||
Descriptive adjectives
|
Demonstrative adjectives
|
Proper Adjectives
|
||
Numeral Adjectives
|
Possessive Adjectives
|
Quantitative Adjectives
|
||
คำคุณศัพท์คือคำที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
ที่สำคัญมีดังนี้
|
||||
Descriptive adjectives
|
||||
คือคำคุณศัพท์ที่บอกลักษณะ
คุณภาพ ขนาด สี รูปร่าง ของคำนามที่มันประกอบเช่น
|
||||
beautiful
|
สวยงาม
|
|||
ugly
|
ขี้เหล่
|
|||
new
|
ใหม่
|
|||
old
|
เก่า
|
|||
big
|
ใหญ่
|
|||
small
|
เล็ก
|
|||
clean
|
สะอาด
|
|||
dirty
|
สกปรก
|
|||
good
|
ดี
|
|||
bad
|
เลว
|
|||
She is beatiful.
|
||||
Daeng's room is dirty.
|
||||
Tammy is a good tennis player.
|
||||
1.
การเรียงลำดับคำคุณศัพท์ที่มีอยู่ในประโยคเรียงได้ตามนี้
|
||||
คำคุณศัพท์ที่บอกสี
|
ที่มา(มาจากไหน)
|
วัสดุ(ทำจากอะไร)
|
จุดประสงค์(เพื่ออะไร)
|
คำนาม
|
blue
|
American
|
leather
|
sport
|
shoes
|
red
|
Thai
|
silk
|
business
|
tie
|
2.
ถ้ามีคำคุณศัพท์ที่บอกขนาด ความสูง ความยาวจะวางไว้ข้างหน้าจากข้อหนึ่ง
|
||||
a small blue car
|
||||
a thick glass bottle
|
||||
3.
ถ้ามีคำว่า first, last และ next จะวางไว้หน้าจำนวนนับ
|
||||
the first two weeks
|
||||
the next three men
|
||||
Demonstrative adjectives
|
||||
คือคุณศัพท์ชี้เฉพาะได้แก่
This,
That, These, Those
|
||||
This ใช้กับคำนามเอกพจน์ที่อยู่ใกล้
(นี้)
|
||||
That ใช้กับคำนามเอกพจน์ที่อยู่ไกล
(นั้น)
|
||||
These ใชักับคำนามพหูพจน์ที่อยู่ใกล้(เหล่านี้)
|
||||
Those ใชักับคำนามพหูพจน์(เหล่านั้น)
|
||||
This is my pen.
|
||||
That is my motorcycle.
|
||||
These books are theirs.
|
||||
Proper Adjectives
|
||||
คือคำคุณศัพท์ที่เกี่ยวกับเชื้อชาติเป็นคำศัพท์ที่มีรูปมา
|
||||
จากชื่อของประเทศเช่น
|
||||
Thailand
|
Thai
|
คนไทย
|
||
Canada
|
Canadian
|
คนแคนาดา
|
||
U.S.A.
|
American
|
คนอเมริกัน
|
||
China
|
Chinese
|
คนจีน
|
||
Switzerland
|
Swiss
|
คนสวิส
|
||
Numeral Adjectives
|
||||
คือคุณศัพท์ที่บอกจำนวนนับ
ลำดับที่และจำนวนที่ไม่แน่นอน
|
||||
จำนวนนับได้แก่
one,two,
three, four,five,six,seven,eight, nine,ten......
|
||||
ลำดับที่ได้แก่
first,second,third,fourth,
fifth, sixth, seventh, eighth, nineth,tenth.....
|
||||
บอกจำนวนที่ไม่แน่นอนได้แก่คำว่า
|
||||
many มาก
|
||||
much มาก
|
||||
double ทั้งสอง
|
||||
few /a few น้อย จำนวนน้อย
สองสาม
|
||||
several หลาย
|
||||
a little/little เล็กน้อย
|
||||
all ทั้งหมด
|
||||
no ไม่มี
|
||||
some มีบ้าง
|
||||
enough. เพียงพอ
|
||||
I have three dogs.
|
||||
That's his second wife.
|
||||
I will be away several weeks.
|
||||
Possessive Adjectives
|
||||
คือคำคุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ
|
||||
my ของฉัน
|
||||
her ของเธอ
|
||||
his ของเขา
|
||||
its ของมัน
|
||||
your ของคุณ
|
||||
our ของพวกเรา
|
||||
their ของพวกเขา
|
||||
My book is on the table.
|
||||
I lost her coat.
|
||||
May I borrow your pen?
|
||||
Quantitative Adjectives
|
||||
คือคุณศัพท์ที่แสดงปริมาณบอกถึงความมากน้อยของสิ่งนับไม่ได้ได้แก่คำว่า
|
||||
some บ้าง
|
||||
much มาก
|
||||
little น้อย
|
||||
enough เพียงพอ
|
||||
all ทั้งหมด
|
||||
no ไม่มี
|
||||
any บ้าง
|
||||
whole ทั้งหมด
|
||||
Give me some food.
|
||||
I do not have enough water.
|
||||
Do you have any money?
|
Adjectives
Adjectives คือ
คุณศัพท์ หมายถึง
คำที่ไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป)
เพื่อบอกให้รู้ลักษณะคุณภาพ
หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า
เป็นอย่างไร?
ได้แก่คำว่า
good ดี
bad เลว
tall สูง
dirty สกปรก
wise ฉลาด
red แดง
fat อ้วน
thin ผอม
this นี้
those เหล่านั้น
short สั้น
white ขาว
ชนิดของ Adjective
Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11
ชนิด คือ
1.
Descriptive Adjective คุณศัพท์บอกลักษณะ
2. Proper
Adjective คุณศัพท์บอกสัญชาติ
3.
Quantitative Adjective คุณศัพท์บอกปริมาณ
4. Numbearl
Adjective คุณศัพท์
บอกจำนวนแน่
นอน
5.
Demonstrative Adjective คุณศัพท์ชี้เฉพาะ
6.
Interrogative Adjective คุณศัพท์บอกคำถาม
7.
Possessive Adjective คุณศัพท์บอกเจ้าของ
8.
Distributive Adjective คุณศัพท์แบ่งแยก
9.
Emphaszing Adjective คุณศัพท์เน้นความ
10.
Exclamatory Adjective คุณศัพท์บอกอุทาน
11. Relative
Adjective คุณศัพท์สัมพันธ์
1. Descriptive Adjective คือ
"คำคุณศัพท์บอกลักษณะ" หมายถึง คำที่ใช้ลักษณะหรือคุณภาพของคนสัตว์
สิ่งของและสถานที่เพื่อให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะอย่างไร
ได้แก่คำ
ว่า
good, bad, tall, shot,
black, fat, thin, fat, thin, clever,
foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, agly, happy, sorry,
etc.
ตัวอย่างเช่น :
The rich man lives in the big house. (คนรวยอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่)
A clever
pupil can answer the difficult problem. (นัก
เรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายาก
ได้)
The black
cat cuagh a smail bird. (แมวดำตัวนั้นจับนกได้)
ข้อสังเกต : rich, big, clever,
difficult, black และ small เป็นคุณศัพท์บอกลักษณะ
2. Proper Adjective คือ
"คุณศัพท์บอกสัญชาติ" หมายถึง คำที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ
ซึ่งอันที่จริงมีรูปเปลี่ยนมาจาก Proper noun นั่นเอง
ได้แก่
Proper Noun Proper
Adjective คำแปล
(เป็นนามเฉพาะ) (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ)
England English อังกฤษ, คนอังกฤษ
America American อเมริกา, คนอเมริกัน
Thailand Thai ไทย, คนไทย
India Indian อินเดีย, คนอินเดีย
Germany German เยอรมัน,
คนเยอรมัน
Italy Italian อิตาลี, คนอิตาเลี่ยน
Japan Japanese ญี่ปุ่น, คนญี่ปุ่น
China Chinese จีน, คนจีน
ตัวอย่างเช่น :
John employs a chinese cook. (จอห์น
จ้างพ่อครัวชาวจีนคน
หนึ่ง)
Do you learn
French literature? (คุณ
เรียนวรรณคดีฝรั่งเศส
หรือ)
The English
language is used by every nation. (ภาษา
อังกฤษใช้ในทุก
ประเทศ)
ข้อสังเกต : Chinese, French,
English เป็น
คำคุณศัพท์บอก
สัญชาติ
3. Quantitive Adjective คือ
"คำคุณศัพท์บอกปริมาณ" หมายถึง คำที่ไปขยายนาม
เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย
(แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน)ได้แก่
much, many, little, some, any, enough, half, great, all,
whole, sufficent, etc.
He ate much
rice at school yesterday.
(เขา
กินข้าวมากที่โรงเรียนเมื่อวาน
นี้)
Linda did
not give any money to her younger brother.
(ลิ
นดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของ
หล่อน)
Take great
care of your health.
(เอาใจ
ใส่ต่อสุขภาพของคุณให้มาก
หน่อย)
ข้อสังเกต : much, any, great ในประโยชน์ทั้ง
3 เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ
ตัวอย่างเช่น :
4. Numberal Adjective คือ
"คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน" หมายถึง คำที่ไปขยายนาม
เมื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3
ชนิด คือ
4.1 Cardinal Numberal Adjective คือ
คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม
ได้แก่
one, two, three, four, five, six, seven, etc.
ตัวอย่างเช่น :
She gave me
two apples and three organes.
(หล่อน
ให้แอปเปิ้ลสองผล
และส้มสามผลแก่
ฉัน)
Bill wants
to buy seven pens.
(บิล
ต้องการซื้อปากกาเจ็ด
ด้าม)
ข้อสังเกต : two, three, seven เป็น
คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอนวางไว้หน้า
นาม
4.2 Ordinanal Numberal Adjective คือ
"คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ
ได้แก่
first, second, third, fifth, sixt, seventh, etc.
ตัวอย่างเช่น :
Tom is the
first boy to be rewarded in this school.
(ทอม
เป็นเด็กคนแรกที่ได้รับรางวัลในโรงเรียน
นี้)
Sam won the
third prize last month and the second one last
week.
(แซมได้รับรางวัลที่
3 เมื่อเดือนที่แล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมา
ได้รับรางวัลที่ 2)
I am the
seventh son of my family.
(ฉันเป็นลูกคนที่
7 ของครอบครัว)
ข้อสังเกต : first, third,
second, seventh เป็น
คุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้า
นาม
4.3 Mutiplicative Adjective คือ
"คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม" ได้แก่ double, triple, fourfold
ตัวอย่างเช่น :
Some roses
are double.
(ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ
2 ชั้น)
Buddha,
Dhamma, and Sangha are triple gems.
(พระพุทธ
พระธรรม และพระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ)
ข้อสังเกต : double, triple, เป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม
5. Demonstrative adjective คือ
คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์หมายถึง คําที่ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง
ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์),
these ,those (ใช้กับนามพหูพจน์) such,
same ตัวอย่างเช่น:
I invited
that man to come in.
(ฉัน
ได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้าง
ใน)
Jan hated
such things because they made her ill.
(แจ
นเกลียดสิ่งเหล่านั้นเพราะมันทําให้เธอไม่
สบาย)
They said
the same thing two or three times.
(พวกเขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้2หรือ3ครั้งแล้ว)
ข้อสังเกต: that,such,same เป็น
คุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้า
นาม
6. interrogative adjective คือ
คุณศัพท์บอกคําถามหมายถึง
คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคําถามโดยจะวาง
ไว้
ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ what,
which, whose
ตัวอย่างเช่น:
What book is
he reading in the room?
(เขา
กําลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ใน
ห้อง)
Which way
shall we go?
(เราจะไปทางไหนกันนี่?)
Whose shoes are these?
(รองเท้านี้เป็นของใคร)
ข้อสังเกต: what,which,whose เป็น
คุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้า
ประโยค
7. Possessive adjective คือ
คุณศัพท์บอกเจ้าของหรือสามีคุณศัพท์ หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม
ได้แก่ my,our,your,his,her,itsและtheir
ตัวอย่างเช่น :
This is my
table.
(นี่คือโต๊ะของฉัน)
Her pen is
on my desk.
(ปากกา
ของหล่อนอยู่บนโต๊ะ
ฉัน)
Our nation
needs solidarity.
(ชาติ
ของเราต้องการความ
สามัคคี)
Their
parents work hard every day.
(พ่อ
แม่ของพวกเขาทํางานหนักทุก
วัน)
ข้อสังเกต : my, her, our,
their เป็น
คุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้า
นาม
8. Distributive คือ คุณศัพท์แบ่งแยก
หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ไปขยายนาม เพื่อแยกนามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง
หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each(แต่ละ),
every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง),
neither(ไม่ทั้งสอง)
ตัวอย่างเช่น :
The two men
had each a gun.
(ชาย
สองคนนี้มีปืนคนละ
กระบอก)
Every
soldier is punctually in his place.
(ทหาร
ทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลา
ดี)
Either side
is a narrow lane.
(ไม่
ข้างใดก็ข้างหนึ่งเป็นซอย
แคบ)
Neither
accusation is true.
(ข้อ
กล่าวหาทั้งสองข้อไม่เป็นความ
จริง)
ข้อสังเกต: each,every,either,neither
เป็น
คุณศัพท์แบ่งแยกมาขยาย
นาม
9. Emphasizing Adjective คือ คุณศัพท์เน้นความ
หมายถึงคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีนำหนักขึ้น ได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่า
นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)
ตัวอย่างเช่น:
Linda said
that she had seen it with her own eyes.
(ลิ
นดาพูดว่าหล่อนได้เห็นมันมากับตาเธอ
เอง)
He is the
very man who stole my wrist watch last night.
(เขา
คือชายคนนั้นผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืน
นี้)
Jean is my
own girl-friend.
(จีนคือแฟนผมเอง)
ข้อสังเกต : own,very เป็น
คุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนัก
ขึ้น
10. Exclamatory Adjective คือ คุณศัพท์บอกอุทาน
หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายเพื่อให้เป็นคําอุทาน ได้แก่ what
ตัวอย่างเช่น:
What a man he is!
(เขาเป็นผู้ชายอะไรนะเนี่ย!)
What an idea
it is!
(มัน
เป็นความคิดอะไรกัน
หนอ!)
What a piece
of work he does!
(เขาทํางานได้เยี่ยมจริงๆ!)
ข้อสังเกต : what ทั้ง
3
คํา
ในประโยคเหล่านี้เป็นคุณศัพท์บอก
อุทาน
11. Relative Adjective คือ
คุณศัพท์สัมพันธ์
หมายถึง
คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลังและในขณะเดียวกันก็ยังทําหน้าที่คล้ายส้น
ธาน
เชื่อมความในประโยคของตัวเองกับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย
ได้แก่
what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้)
ตัวอย่างเช่น:
Give me what
money you have.
(จง
ให้เงินเท่าที่คุณมีอยู่แก่
ฉัน)
I will take
whichever horse you don t want.
(ฉัน
จะนําเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้อง
การ)
He will read
what book he wishes.
[ แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา
(จะอ่าน) ]
ข้อสังเกต : What, Whichever เป็น
คุณศัพท์สัมพันธ์
ไปขยายนามที่ตามหลัง
และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีก
ด้วย
Adjective เวลานำไปพูดหรือเขียนมีวิธีใช้อยู่ 4
อย่างคือ
1. เรียงไว้หน้าคำนามที่คุณศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงได้
เช่น
* The thin
man can run very quickly.
(คน
ผอมสามารถวิ่งได้เร็ว
มาก)
* A wise boy
is able to answer a difficult problem.
(เด็ก
ฉลาดสามารถตอบปัญหาที่ยาก
ได้)
* The
beautiful girl is wanted by a young boy.
(สาว
สวยย่อมเป็นที่หมายตาของเด็ก
หนุ่ม)
ข้อสังเกต : thin , wise ,
difficult , beautiful ,young เป็น
คุณศัพท์
เรียงขยายไว้หน้านามโดย
ตรง
2. เรียงไว้หลัง Verb to be, look
feel,seem,get,taste,smell,
turn,go,appear,keep,become,sound,grow,etc. ก็ได้
Adjective
ที่
เรียงตามกริยาเหล่านี้
ถือว่าขยายประธาน
แต่วางตามหลัง
กริยา
เพราะฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึงว่า
Subjective Complement เช่น
* I'm
feeling a bit hungry.
(ฉันรู้สึกหิวนิดๆ)
* Sugar
tastes sweet.
(น้ำตาลมีรสหวาน)
ข้อสังเกต: hungry และ
sweet เป็น Adjective เรียงไว้หลัง
กริยา feeling และ
tastes ทั้งนั้น
3. เรียงคำนามที่ไปทำหน้าที่เป็นกรรม (Object)
ได้ ทั้งนี้เพื่อ
ช่วยขยายเนื้อความของกรรมนั้นให้สมบรูณ์ขึ้น
Adjiective ที่ใช้ใน
ลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็น Objiective
Complement เช่น
* Sam made
his wife happy.
(แซม
ทำภรรยาของเขาให้มีความ
สุข)
* I consider
that man mad.
(ฉันพิจารนาดูแล้วว่า
ชายคนนั้นเป็นบ้า)
*This matter
made me foolish.
(เรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธไปได้)
ข้อสังเกต: happy,mad และ
foolish เป็น Adjective ให้เรียง
หลังนาม และสรรพนามที่เป็น Object
คือ wife,man,me
4. เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้
ไม่ว่านามนั้นจะทำหน้าที่เป็นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนั้นมี
บุพบทวลี (Perpositional Phrase)มาขยายนามตามหลัง
เช่น
* A parcel
posted by mail today will reach him tomorrow.
(พัสดุ
ที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่ง
นี้)
ข้อสังเกต: posted เป็น
Adjective เรียงตามหลังนาม parcal ได้เพราะมีบุพบทวลี
by mail today มาขยายตามหลัง
* I have
known the manager suitable for his position.
(ฉัน
ได้รู้จักผู้จัดการซึ่งก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของ
เขา)
ข้อสังเกต: suitable เป็นคุณศัพท์
เรียงไว้หลังนาม manager ได้เพราะมีบุพบท วลี for
his position มาขยายตามหลัง
* ข้อยกเว้น ในการใช้ Adjecive บาง
ตัวเมื่อไปขยาย
นาม
การใช้ Adjecive ไปขยายนามหรือประกอบนามตามแบบตั้งแต่
ข้อ 1 ถึง 4
นั้น หมายถึง Adjecive ทั่วไปเท่านั้น แต่ถ้าเป็นAdjective
ที่
จะกล่าวต่อไปนี้แล้วให้มีวิธีใช้ขยายนามหรือประกอบนาม
ได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น คือ ประกอบหน้านาม หรือเรียงหลังกริยา
จะใช้ทั้ง
2
อย่างไม่ได้ นั้นคือ ( มีต่อค่ะ
)
Adjective - Equivalent
คือ
"คำที่ใช้เสมือนเป็นคุณศัพท์" ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า
คำที่จะนำมาใช้เสมือน
หนึ่ง
เป็น
คุณศัพท์ที่จะกล่าวต่อไป
นี้
1. คำนาม (Noun) นำมาใช้เป็น
Adjective ขยาย
นามด้วยกันได้
แต่ให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายนั้นทุกครั้งไป
เช่น
Yale University
is the place for political studies.
(มหา
วิทยาลัยเยลเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาวิชาการ
เมือง)
ข้อสังเกต : Yale เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยาย
university ซึ่งเป็นนามด้วยกัน
My younger
brother wishes to study at Suan
Dusit College.
(น้อง
ชายของฉันประสงค์จะเรียนที่วิทยาลัยสวน
ดุสิต)
ข้อสังเกต : Suan Dusit เป็นนาม
แต่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม college ได้
They have
worked in New York City
for two years.
(พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์คเป็นเวลา
2 ปีแล้ว)
ข้อสังเกต : New York เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามที่ตามหลัง
คือ City
2. คำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยมี Apostrophe
( 's ) มาใช้ควบนั้น นำมาใช้เป็น Adjective
ขยาย
นามได้
และให้เรียงไว้หน้านามตัวนั้นตลอดไป
เช่น
John's house
was built in Denver
five years ago.
(บ้านของจอห์นได้สร้างไว้ที่เดนเวอร์
เมื่อ 5 ปีมาแล้ว)
ข้อสังเกต :
เป็นคำนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ได้
The
teacher's table is larger than the students.
(โต๊ะของครูมีขนาดใหญ่)
ข้อสังเกต : teacher's เป็นนาม
นำมาใช้บยายนาม table ทำ
หน้าที่เป็นคุณศัพท์
ได้
3. Infinitive (กริยาสภาวมาลา ได้แก่
to + V.1) นำ
มาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนามได้
แต่วางไว้หลังนามที่มันขยายเสมอ เช่น
He has no
money to give me for buying a pen.
(เขา
ไม่มีเงินที่จะให้ฉันซื้อ
ปากกา)
ข้อสังเกต : to give เป็น
Infinitive นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนาม
money ได้
This book is
good for you to read.
(หนังสือ
เล่มนี้ดีสำหรับคุณที่จะ
อ่าน)
ข้อสังเกต : to read เป็น
Infinitive นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม you
ได้
4. Participle นำ
มาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้
และให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายทุกครั้ง
เช่น
The standing
boy is afraid of the running dog.
(เด็ก
ชายที่ยืนอยู่กลัวสุนัขที่วิ่ง
มา)
ข้อสังเกต : standing, running เป็น
Participle นำ
มาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม
ได้
5. Gerund (กริยานาม คือ Verb เติม
ing แล้วนำมาใช้อย่างนามซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไปนี้เช่นกัน)
นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้และวางไว้หน้านามนั้นตลอดไป
เช่น
Now he is
waiting for you in the meeting room.
(เดี๋ยว
นี้เขากำลังรอคุณอยู่ที่ห้อง
ประชุม)
ข้อสังเกต : meeting เป็น
gerund นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม room
6. Phrase (วลีทุกชนิด) นำมาใช้เป็น Adjective
ขยาย
นามหรือสรรพนามได้
ส่วนตำแหน่งวางของวลีคุณศัพท์นั้นอยู่หน้านามก็มี อยู่หลังนามก็มี
เช่น
The man in
this room is our guest.
(ผู้ชาย
ที่อยู่ในห้องนี้เป็ฯแขกของ
เรา)
ข้อสังเกต : in this room เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์มาขยายนาม
man ที่อยู่ข้างหน้า
He wants to
buy the corner.
(เขา
ต้องการซื้อบ้านที่อยู่มุมถนน
นั้น)
ข้อสังเกต : on the corner เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม
house ที่อยู่ข้างหน้า
7. Subordinate Clause (อนุประโยค)
นำมาใช้เป็น Adjective ขยาย
นามได้
และให้วางไว้หลังนามที่ไปขยายทุกครั้ง เช่น
This is the
house that Jack built.
(นี้คือบ้านที่แจ๊คสร้างเอาไว้)
ข้อสังเกต : that Jack built เป็น
Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค)
มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามhouse ที่วางอยู่ข้างหน้า
I know Mr. Clinton whom you want to see.
(ฉัน
รู้จัก
มิสเตอร์คลินตัน
ผู้ซึ่งคุณต้องการ
พบ)
ข้อสังเกต : whom you want to
see เป็น Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค)
มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามMr.Clinton ซึ่งวางอยู่ข้างหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น